สเปน 2-1 ฝรั่งเศส

(ยามาล 21“ โอลโม 25“ / มูอานี 9“)

เริ่มกันที่คู่เปิดหัวเวลา 02:00 น. ตามเวลาประเทศไทย เกมเริ่มที่สนาม ฟุตบอล อารีนา เมืองมิวนิค เริ่มต้นเกม สเปน เล่นด้วยสไตล์เน้นเกมบุกเป็นหลัก ขณะที่ ฝรั่งเศส ยึดคอนเซปป์เกมรับเหนียวแน่น และรอโอกาสที่จะใช้จังหวะสวนกลับในการเล่นงานทัพ “กระทิงดุ” จนกระทั่งนาทีที่ 9 ” คีลิยัน เอ็มบัปเป้“ แผลงฤิทธิ์ก่อนจะบรรจงเปิดอย่างดงามให้  “ร็องดาล โกโล่ มูอานี่“ ขึ้นโขกเต็มหัวส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย ทำให้ ฝรั่งเศส ออกขึ้นนำ 1-0 

อย่างไรก็ตาม ในนาทีที่ 21 สเปน ก็มายิงตีเสมอ 1-1 จาก “ลามีน ยามาล“ ที่ได้บอลในระยะ 25 หลาก่อนยิงไกลบอลพุ่งเสียบเสาเข้าประตูอย่างงดงาม และทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่มีอายุน้อยสุด ที่ทำประตูได้ในหน้าประวัติศาสตร์ศึกฟุตบอลยูโร หลังจากนั้นผ่านเพียงแค่ 4 นาที ทัพ “กระทิงดุ” จัดหนักอีกหนึ่งลูกจากจังหวะที่ “ดานี โอลโม“ ตะบันเต็มข้อบอลพุ่งไปที่หน้าประตู และ “ชูลส์ กุนเด้“ สกัดพลาดทำเข้าประตูตัวเอง ช่วยให้ สเปน ออกขึ้นนำ 2-1 

จบครึ่งแรก สเปน 2-1 ฝรั่งเศส

เกมเริ่มครึ่งหลังได้ไม่ถึงนาที สเปน ได้ลุ้นอีกครั้งเมื่อ “อัลบาโร่ โมราต้า“ เปิดบอลยาวให้ “นิโก้ วิลเลี่ยมส์“ โชว์สปีดความเร็ววิ่งถึงบอลได้ทัน แต่แตะไม่พ้น “ไมค์ เมนญอง“ ที่ออกมาพุ่งสกัดได้ทันเวลา ฝรั่งเศส พยายามที่จะเปิดเกมบุกอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถเจาะแนวรับของ สเปน ได้มากนัก ขณะที่ทัพ “กระทิงดุ” ใช้แท็กติกรอจังหวะ และสวนกลับโดยอาศัยความรวดเร็วของ วิลเลี่ยมส์ กับ ยามาล 

โอกาสทองของฝรั่งเศสเกิดขึ้น นาทีที่ 76 เมื่อบอลทะลักมาเข้าทาง “เตโอ แอร์กน็องเดซ“ ที่ตะบันเต็มข้อบริเวณกรอบเขตโทษแต่น่าเสียดายที่บอลข้ามคานแบบไม่มีลุ้น ทัพ “ตราไก่” มีลุ้นทำประตูอีกครั้งในนาทีที่ 86 เมื่อ “เอ็มบัปเป้“ ได้จังหวะลากบอลจี้เข้าไปในเขตโทษ และตัดสินใจสัดเต็มข้อแต่กดไม่ลงทำให้บอลเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดายอีกครั้ง

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ สเปน พยายามเน้นการครองบอลแบบที่เคยเป็น และอาศัยความแน่นอน สุดท้ายทัพ “กระทิงดุ” สามารถรักษาสกอร์ที่ต้องการสำเร็จ ส่งผลทำให้ สเปนชนะฝรั่งเศส 2-1 ประตู ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ โดยรอพบผู้ชนะระหว่าง อังกฤษ กับ เนเธอร์แลนด์ ที่จะเจอกันในวันพุธที่ 10 ก.ค.2024